นี่ก็มาเป็นหอบ ๆ
เป็นกระสอบกระบุง...ดีใจมากที่พอจะหากินได้ไม่ยากเท่าไหร่ แต่..น่าเสียดาย ที่พอทุกอย่างมันเป็นธุรกิจไปเสียหมดทุกอย่าง
อย่างนี้ ไม่เว้นแม้กระทั่งของที่เป็นสุดยอดภูมิปัญญาพื้นบ้าน
และสุดยอดคุณค่าทางโภชนาการอย่างข้าวเม่า
ข้าวม้งข้าวเม่าที่ว่าที่ไหน ๆ
มันก็มีขายโดยเฉพาะตามแผงร้านขายกล้วยทอดกล้วยแขกมันหายากมันเป็นภูมิปัญญาตรงไหนกันฟระ..? เปล่าครับเปล่ามันเรียกว่าข้าวเม่าเหมือนกัน วัตถุดิบที่นำมาทำก็เหมือน ๆ
กันแต่มันมีความต่างปลีกย่อยขั้นตอนกรรมวิธีรายละเอียดแตกต่างกว่ากันมากมายพอสมควรกันเลยล่ะครับทั่น
เพราะงี้จึงเป็นเหตุที่มาที่วันนี้กระผมจะได้นำเอาข้าวเม่ามาพร่ำมาบ่นในที่นี้เราจะกล่าวเฉพาะข้าวเม่าพื้นบ้านภูมิปัญญาของชาวอิสานบ้านผมนะครับ
เกือบทุกเดือนที่ผมและครอบครัวมีโอกาสกลับไปทำธุระที่บ้านเกิดต่างจังหวัด
(นครพนม) ไปถึงพวกเราก็มักจะเสาะแสวงหาอาหารการกินพื้นบ้านแท้
ๆ ซึ่งหากินยาก (สำหรับเรา) แต่ไม่ยากสำหรับคนในพื้นที่นะครับ ก็เหมือน ๆ กับเราอยู่ในเมืองหรืออยู่ในกรุงเทพ
ฯ น่ะแหละครับทั้งปีทั้งเดือนอาหารการกินก็จะเจอะเจอ เนื้อ
หมู เห็ด เป็ด ไก่ ปลา
ก็จะเป็นอาหารจำพวกผัด ๆ ทอด ๆ ซึ่งอุดมไปด้วยไขมันที่มันมักจะไปสะสมอุดตันในเส้นเลือดและพอกพูนตามรอบเอวกันซะเป็นส่วนใหญ่ จริงไหมครับ
ก็ไม่แปลกที่กลับต่างจังหวัดทีก็จะหาอะไรเดิม ๆ
พื้นบ้านกินกัน........อ่อมเขียดใส่ผักดางขมดางส้ม(เป็นพืชชนิดหนึ่งแผ่เป็นผืนตามพื้นดินริมห้วยหนองมีทั้งแบบรสเปรี้ยว
และขม )..ลาบเทา เทาก็คือสาหร่ายน้ำจืดนั่นล่ะครับขอบบอกว่าน้ำถ้าไม่บริสุทธิไร้สารเคมีจากปุ๋ยยาฆ่าแมลงจากไร่นารบกวน
เท่าพวกนี้มันไม่เกิดให้เราได้กินหร็อกนะครับ แมงแคงคั่ว (แมลงศัตรูพืชชนิดหนึ่งขึ้นตามต้นค้อ ต้นจิก มีกลิ่นฉุน แต่คั่วอหร่อย ) และอีกเยอะแยะ ฯลฯ
วกเข้ามากล่าวถึงผลิตภัณฑ์ ข้าวเม่า
กันก่อนนะครับคุณชาคริตครับ ... ข้าวเม่าที่ได้จากข้าวจากกรรรมวิธีแบบพื้นบ้านที่ผมกำลังจะอภิปรายอยู่นี่ละกันนะครับ ข้าวเม่าก็เหมือนอาหารพื้นบ้านอย่างอื่น ๆ
อย่างที่กล่าวมาแล้วข้างต้น หากินยาก เพราะในหนึ่งฤดูทำนาจะหากินได้แค่ครั้งเดียวเท่านั้น คือตอนรวงข้าวเริ่มเกือบที่จะแก่ เป็นช่วงวัยที่เหมาะสมเป็นอย่างยิ่งที่จะนำมาทำเป็นข้าวเม่า ที่สำคัญมันต้องเป็นข้าวเหนียวเท่านั้นนะครับคุณชาคริตครับ.. หลัง ๆ
ที่ผมกลับต่างจังหวัดอดแปลกใจไม่ได้ที่มีข้าวเม่าซึ่งหากินยากแสนเข็น แต่มีขายหน้าตาเฉย และก็เยอะซะด้วย ผมล่ะอดดีใจไม่ได้ไม่รีรอชักช้าเลยซื้อเขามาลองให้หายอยากซักกิโลนึงโดยไม่ต่อราคาสักบาทเดียวหวังจะกินให้หนำใจ...ผิดหวังครับผมผิดหวังมากเขาทำให้มันขาดไร้ซึ่งวิญญาณเดิม
ๆ ที่ข้าวเม่าควรจะเป็น อย่างเช่น สีเขียวอ่อน ๆ
หลังจากผ่านกรรมวิธีขั้นสุดท้ายมาแล้วโดยการตำด้วยครกกระเดื่องเท้าเหยียบ..
มันยังเขียวไม่พอเพ่ก็เติมขยี้กระหน่ำคลุกเคล้าด้วยน้ำใบเตยนั่นก็พอรับได้อย่างน้อยก็มีกลิ่นหอมของใบเตยปะปนมาบ้าง แต่นี่เพ่ใส่สีเคมีผสมอาหาร เติมสาร ต่าง ๆ
กันบูดกันชื้นรสชาติก็ผิดเพี้ยนจากที่คุ้นเคยไปเยอะ หรือไม่ก็ลัดขั้นตอนการผลิต โดยการใช้ข้าวเลยวัยที่จะทำเป็นข้าวเม่าเพียงเพื่อจะได้ไม่ต้องเสียเวลาในการตำแต่ใช้เครื่องโรงสีสีเอาให้ได้ปริมาณในคราวละมาก
ๆ ครับข้าวที่ค่อนข้างแก่เลยช่วงวัยทำข้าวเม่าเป็นเหตุให้สีสันมันไม่เข้มสะดุดตาก็เลยกระหน่ำคลุกเคล้าด้วยสีย้อมข้าวเม่าดังที่กล่าว นั่นไม่ร้ายเท่ากับการที่ต้องสูญเสียกลิ่นอันหอมหวนละมุนละไมและรสชาติหวาน
ๆ มัน ๆ ทั้ง ๆ ที่ยังไม่ได้ปรุงรสแบบดั้งเดิมเสียด้วยซ้ำ แทบจะหมดสิ้นไม่ต่างอะไรกับขนมหวานข้าวเหนียวแก้วซึ่งทำมาจากข้าวเหนียวแห้งย้อมสีคงนึกภาพออกนะครับคุณชาคริตครับที่ผมกล่าว
เสียดายเนื่องจากอะไรอะไรก็เป็นธุรกิจมีกลุ่มคนที่เล็งเห็นผลเลิศเขาลงทุนทำนาปลูกข้าวเพื่อทำข้าวเม่าขายเป็นการเฉพาะ
นั่นน่าจะเป็นนิมิตรหมายอันดีที่ต่อแต่นี้จะหากินได้ง่าย ๆ แต่ที่เสียดายนี่คือ..วิญญาณครับ..!!
วิญญาณของข้าวเม่าแท้ ๆ ตามกรรมวิธีดั้งเดิมเรียบง่ายซึ่ง .. จะไม่มีการเติมสาร ใส่สีหรือลัดขันตอนการผลิตอะไรทั้งสิ้น.....ของแท้ดั้งเดิมนั้น
สีมันจะไม่ฉูดฉาด ข้าวต้องนุ่มหอม
เพราะใช้ข้าวที่ไม่แก่ ไม่อ่อนจนเกินไปนำมาสีออกจากรวงด้วยการขูดหรือปั่นด้วยซี่ล้อจักรยาน
เสร็จแล้วนำมาคั่วจนเปลือกข้าวเริ่มเกรียมข้างในสุกส่งกลิ่นหอมละมุนละไมเป็นอย่างยิ่ง ปล่อยให้เย็นเสร็จแล้วนำมาตำครกกระเดื่องเอาเปลือกออกจนได้ข้าวที่ออกจากเปลือกเรียกกันว่าข้าวเม่าดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้น...จะกินไนดอก
(กินเพียว ๆ ) ก็อหร่อยเหาะเหิร
หรือจะกินแบบทรงเครื่องน้ำตาล มะพร้าวอ่อน (ขนาดพอเป็นหนังหมู )ขูดนั้นก็แทบจะมองเห็นสวรรค์รำไรในขณะปากเคี้ยวจมูกสัมผัสกลิ่นอันโอชะอหร่อยไปอีกแบบ..........อ่อ...ลืมบอกอีกอย่างข้าวเม่าที่ดีมันต้องมีขี้แมวปะปนมาบ้างนะครับคุณชาคริตคร๊าบ...ฮ่า
ๆ...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น