พักนี้หมดมุขบ่อยไอเดียตีบตันมืดบอดไม่โลดแล่นปรู๊ดปร๊าด กว่าจะหาอะไรมาเป็นวัตถุดิบในการเขียนให้แควน
ๆ ได้อ่านกันแต่ละอย่างแต่ละเรื่องนั้นแสนเข็ญ
ความที่ผมเป็นคนอีสานโดยรากเหง้าและหลัง ๆ นี่มีโอกาสได้กลับถิ่นกำเหนิดที่ต่างจังหวัดบ่อยๆ
อย่ากระนี้กระนั้นวันนี้ผมจะมาอภิปรายว่าด้วยเรื่องอาหารการกินของชาวอีสานกันอีกสักเรื่องกันดีกั่ว..เอ๊ย..! ดีกว่า...ฮ่า ๆ
ส้มตำปลาร้าเร๊อะทั่น เฮ้ยไม่ ..มันพื้น ๆใคร ๆ เขาก็รู้จักกันแถมมีขายให้กินแทบทุกตรอกซอกซอย เรียกได้ว่ามันเป็นอาหารดีสานที่ถูกยกระดับขึ้นเหลาเข้าขั้นอินเตอร์ และมันก็เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายแทบทุกเกลุ่มทุกระดับชั้นกันแล้ว.. งั้นไข่มดแดง และแมลงทอดทั้งหลายล่ะ
ตั๊กแตนทอด หนอนไหมทอด เขียดทอดอะไรจำพวกนี้น่ะ........ฮึ้ยยยย...นี่ยิ่งก็ไม่แปลกมีให้ซื้อหากินกันได้ไม่บากลำบนขนขวายเท่าใดนัก....เอ่อ.....ถ้างั้นมันคือสวรรค์วิมานชาเขียว
ชูชิ อะไรกันล่ะครับคุณชาคริตคร๊าบบบ..??
เอ่อ..แห่ะ ๆ
...เบ้าครับรู้จักกันบ้างไหมล่ะครับเบ้าน่ะ..?? นั่นแน่ ไม่รู้ใช่ไหมเล่า ไม่แปลกหร็อกที่ไม่ค่อยมีใครรู้จัก แม้ผมเองคนอีสานโดย DNA แท้
ๆ ยังเลือนมะลายหายไปจากความทรงจำที่ล่วงเลยตามกาลเวลา จวบจนวันที่ผมได้ไปเดินตลาดนัด ไทย-ลาว
ที่อำเภอท่าอุเทน จังหวัดนคพนมเมื่อคลาที่ผมกลับบ้านไวๆ ที่ผ่านมา จึงได้ย้อนความทรงจำกับอาหารพิสดารอย่างเบ้าในวันนี้... นั่นแม่นหยังครั่บ.?
คำถามแรกที่ผมเห็นก้อนกลม ๆแต่ไม่เกลี้ยงคล้ายพลุหรือไม่ก็ลูกปืนใหญ่สมัยนเรศวร มีขนาดเขื่องประมาณเท่าลูกเปตอง ลูกเทนนิส สีดำ ๆ ทึบ ๆ เต็มกระสอบกระบุง........เบ้าครั่บบ่อฮู้จักติเบ้า..?
คนขายตอบพลางสวนทางด้วยคำถามบวกสีหน้าไม่สบอารมณ์ อันเนื่องมาจากคนถามนั้น ( ผมเอง
) ดูหน้าตาก็บ่งบอกถึงรากเหง้าอย่างชัดแจ้งอยู่แล้ว หาได้ละม้ายคล้ายคลึงเกาหลี ญี่ปุ่นหรือชนชาติเผ่าพันธ์อื่นแต่อย่างใดไม่ ดั้งก็แม่บ ๆ แก้มกรามรึก็โหนก ๆ แถมทำลืมชาติกำเนิดมาถามเป็นว่าไม่รู้จักเบ้าซะงั้น....บ๊ะหมอนิแหมะ..ฮ่า
ๆ
ครับ
ผมนึกย้อนความทรงจำตั้งแต่สมัยวัยเด็กรุ่นกระเตาะเลี้ยงวัวเลี้ยงควายกลางนากลางทุ่งโน่นแน่ะ สมัยนั้นวิถีชีวิตคนอีสานโดยเฉพาะแถว ๆ
บ้านผมหาได้อุดมสมบูรณ์เข้าถึงแหล่งอาหารการกินที่แหกขี้ตาตื่นขึ้นมา
ก็มีรถกระบะเปิดท้ายขายของ หอยลาย หอยแครง
หอยแมลงภู่ ปลาทูสด สับปะรถเราก็มี ฝรั่งกรมสาลี่หวานกรอบ ..ฯลฯ
นั่นคือเสียงโทรโข่งลำโพงฮอร์นส่งเสียงเรียกสะตังค์ถึงหัวเตียงนอนที่หลายท่านคุ้นเคยเหมือนสมัยนี้..........แต่สมัยโน๊นอย่าฝันว่าจะมี ถึงมีก็คิดหรือว่าจะมีสตุ้งสะตังค์เจียดซื้อ การจะได้มาซึ่งอาหารสักมื้อมันต้องตื่นแต่เช้าสลัวโพล้เพล้แบกเสียมสำหรับขุดเขี่ยและอีกภาชนะสารพัดประโยชน์คือข้อง..(ข้อง..เป็นเครื่องจักสานเป็นอุปกรณ์สำหรับเอาไว้ใส่ปลาแต่ในที่นี้ใส่แมงกุดจี่
) เดินแหวกอากาศอันสดชื่นเย็นสบายยามเช้ามุ่งหน้าลงกลางทุ่งนาจุดมุ่งหมายเพื่อหาแมลงชนิดหนึ่งที่อาศัยอยู่ตามมูลของสัตว์โดยเฉพาะขี้ควาย...ใช่แล้วครับมันคือแมงกุดจี่
อ้าว..แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเบ้าล่ะแมงกุดจี่นั่นนะ ใจเย็น ๆ ครับทั่นผมกำลังจะค่อย ๆ
เล่าอัธถาธิบายให้ท่านที่เขาไม่รู้จักจริง ๆ
เพื่อจะได้จินตนาการออกว่ามันมีความเป็นมายังไง อ้าว..งั้นมันเปิบวิตระถาล.. เอ๊ยพิสดารกันตรงไหนล่ะ เบ้าเบ้วอะไรนั่น..........? อ่า.......คุณชาคริตครับ
คุณชาคริตพอจะเคยเห็นเคยรู้จักแมงกุดจี่กันคร่าว ๆ แล้วใช่ไหม...หึ งั้นตัวอ่อนของหนอนไหมล่ะ หรือรถด่วนก็น่าจะเคยได้ลองชิมกันมาบ้างแล้วใช่ไหมล่ะ ผมกำลังจะบอกว่า เบ้า
น่ะก็เป็นตัวอ่อนของแมลงชนิดหนึ่งในสายพันธ์เดียวกันกับแมงกุดจี่นั่นล่ะ เพียงแต่ตัวมันใหญ่พิเศษกว่าประมาณเท่า ๆ
กับตัวแมลงกว่างที่กลุ่มชนชาวภาคเหนือเขาเลี้ยงไว้เพื่อความบันเทิงเพลิดเพลิน โดยจับมันมาชนกันนั่นแล แถมยังมีความเหมือนทั้งสีสัน
หน่วยก้านหน้าตายังกับแกะจะผิดแผกแตกต่างก็แค่
มันไม่มีเขายื่นโค้งสวยงามออกมาแค่นั้นเอง เอ...หรือว่ามันตัวเดียวกันฟระชักงง..?
คุณชาคริตครับ แมลงชนิดนี้หลังจากผมว่างจัดเฝ้าสังเกตพฤติกรรมของมันด้วยประสบการณ์ตอนเด็ก
ๆนั้น
มันจะขยายเผ่าพันธ์ของมันด้วยความภาคเพียรนะครับ โดยมันขุดหลุมเอาไว้หลุมใหญ่ ๆ ลึก ๆ ได้อย่างสุดทึ่งด้วยแป้นตรงหัวของมันคล้าย
ๆ ใบตักเกรดเกลี่ยของรถแทรกเตอร์ และขณะเดียวกันมันก็ไปกลิ้งเอามูลของสัตว์ไม่ว่าจะเป็น
ขี้วัว ขี้ควาย หรือมูลของสัตว์อื่น ๆ หรือแม้กระทั่งอาจมีขี้คนเสียด้วยซ้ำ..ฮ่า ๆ วิธีการกลิ้งนั้นก็พิสดารพันลึกไม่แพ้กันโดยจะมันก้มหัวลงพื้น
ยกขาหลังพยุงเคล้าคลึงกับก้อนมูลของสัตว์ลำเลียงโดยการกลิ้งเอาไปเก็บไว้ในหลุมที่มันขุดเอาไว้ ครับยิ่งกลิ้งก็ยิ่งกลมยิ่งกลิ้งก็ยิ่งขยายใหญ่ขึ้นด้วยว่ามูลสัตว์ที่มันกลิ้งเอาไว้ฟักตัวอ่อนนั้นได้มาจากขี้วัวขี้ควายค่อนข้างใหม่สด
เรียกว่ายังอ่อนนุ่มพอเหมาะเพื่อการนี้ว่าอย่างนั้น...
หลุมแต่ละหลุมนั้นก็จะมีหลายก้อนด้วยกัน และภายในก้อนกลม ๆ
ขนาดเขื่องนั้นมันจะมีตัวอ่อนของมันนอนแน่นิ่งรอเวลาเป็นอาหารประทังชีวิตของสัตว์ชนิดหนึ่งที่เรียกตนเองว่า
คน....ฮ่า ๆ ... ไม่ช่ายยยย....มันรอเวลาฟักตัวออกมาจากตัวอ่อนที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้แต่ถูกปกป้องอนุบาลฟูมฟักเป็นอย่างดีภายในก้อนกลม
ๆ นั้น ก่อนจะฟักออกมาเป็นตัวแก่ที่พร้อมเจริญเติบโตครบวัฎจักรวงจรชีวิตของมันล่ะครับ แต่ถึงยังงั้นก็ยังไม่วายหลุดรอดสายตาอันกระหายหิวของนักล่าอันดับหนึ่งของห่วงโซ่อาหารอย่างมนุษย์ก็หาไม่ ครับตัวอ่อนของมันนั่นล่ะครับที่ถ้าเราเจอะเจอรังของมันแล้วต้องคิดคำนวนเวลาเฝ้ารอเป็นเดือน
ๆ จนกว่ามันจะโตเต็มที่พอดีอร่อยภายในก้อนกลม
ๆ นั่น แต่ไม่ถึงกับออกมาเป็นตัวนะครับ
ส่วนการจะนำตัวอ่อนออกมาทำเป็นอาหารด้วยกรรมวิธีใดสูตรไหนนั้น ก็สุดแท้แต่เชฟแต่ละทั่นใครจะคิดค้นกันล่ะครับ อย่างง่าย ๆ แบบผมนั้นก็แค่คั่วในกระทะใส่เกลือ หรือไม่ก็คั่วด้วยน้ำมันนิด ๆ โรยเกลือหน่อย ๆ แค่นี้ก็สวรรค์รำไรกันแล้วล่ะครับทั่นผู้ชม…………..
เป็นยังไงกันบ้างล่ะสำหรับอาหารพิสดารพิลึกพิลั่นในวันนี้ ครับถึงแม้ว่าก้นจานหรือใต้ฝากระติบข้าวจะไม่มีรหัสชิงโชครวยเปรี้ยง ผมก็หวังว่าคงถูกอกถูกใจไม่มากก็น้อย และบอกกล่าวกันตรงนี้ว่ายังครับยังมีอีกพอสมควรนะสำหรับของกินแปลก
ๆ พิสดารตามแบบฉบับของชาวอีสานซึ่งก่อนหน้านั้น
คือข้าวเม่า
เที่ยวนี้มาแปลกว่าด้วยเรื่องของเบ้าส่วนตอนหน้านั้นจะเป็นเรื่องอะไรก็คอยติดตามกันเอาเองก็แล้วกันนะครับ..........ว่าแต่ ..ตกลงสูเจ้าจะไม่เขียนเกี่ยวกับงาน DIY และจะหันมาเอาดีเขียนเรื่องเกี่ยวกับของกินกันแล้วใช่ไหมห๊า...???
ขอบคุณมากครับ ท่านเจ้าของบทความมีลีลาการเขียนไม่เบาทีเดียว
ตอบลบอ่านแล้วได้ความรู้ และเพลิดเพลินดีครับ หวังใจไว้ว่าคงมีเรื่องราวดีๆ
ให้ได้อ่าน ได้ศึกษาอีกนะขอรับ
ใช่ เห็นด้วย ครับ
ลบขอบคุณมากครับผมที่ติชมเห้นด้วยและเห็นแย้ง..55
ลบขอบคุณมากครับผมที่ติชมเห้นด้วยและเห็นแย้ง..55
ลบคิดถึงห้องสับถังจังเลยครับพี่....ขอบคุณครับที่แวะเข้ามาอ่านเรื่องบ้า ๆ บอ ๆ ที่ผมเขียนเอาไว้ครับ...55
ตอบลบ