วันศุกร์ที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

Diy Preamp J fet 2n3819 ถูกและดีกว่านี้มีป่าว

ครับ ออกตัวก่อนว่า เป็นโครงงานจากหนังสือ อิเล็กทรอนิกส์เวิลด์นะครับ เห็นว่าน่าสนใจและราคาไม่แรง ก็เลยอดใจไม่ไหวเลยนำมาตีแผ่ทุกซอกหลืบ ให้ทุกท่านได้ยลโฉมลิ้มลอง โดยเฉพาะมือใหม่อย่างผมไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง ..ฮ่า..ส่วนท่านที่ เก่ง เจ๋ง เซียน เทพเจ้าจากดาวเซย่า..ก็ผ่าน ๆ ละกันนะครับ

หลาย ๆ ท่านบ่นอยากลองหลอดมั่งดิ..อืม...เอาไว้วิชาแก่กล้าควมคุมลมปราณได้ดั่งนึกแล้วค่อยว่ากันนะ ขอให้ใจเย็น ๆ ได้ทำกันแน่ในเวลาอีกไม่นาน ถ้าใจร้อนเข้าไปเลือกดูหลอดกันได้ ตรงนี้ก่อนครับ แต่วันนี้เรามาลองอะไรที่มัน ดี ๆ ง่าย ๆ ถูก ๆ กันดีกว่านั่นก็คือ Jfet Preamp ตัวนี้ผมรับรองว่าเสียงดีแน่นอน แนวคร่าว ๆ ก็ คึกครื้น คึกคัก แจ่มชัดสดใสไม่บาดหูเลือดซิบ...อิอิ ถูกใจอย่างแรงโดยเฉพาะกับราคาที่แค่อดเบียร์ ลีโอ สักลังก็ได้แล้วล่ะครับ อุปกรณ์สมทบทุนต่าง ๆ ก็หาไม่ยากเท่าไหร่ ใครที่อยู่ กรุงเทพ ฯ ก็เดินเข้าร้าน นัฐพงษ์ที่เดียว ครบครันสำหรับโครงการนี้ อยากใช้อุปกรณ์เกรดดีขนาดไหน ก็ย่อมได้ จำพวก R - C – FET

แผ่นปริ๊นล่ะต้องทำไม๊..ตอบว่าไม่ต้องครับเพราะกระผมเป็นคนมักง่าย ..เอ๊ย..ชอบแบบวิธี ฮาร์ดไวร์ โดยการต่อบลัดกรีอุปกรณ์ ขาถึงขา กอดก่าย ฟัดเหวี่ยง เปลือยเปล่าไร้อาภรณ์เป็นอุปสรรค์...ดุจ Pre amp tube hi – end ที่ฮาร์ดไวร์ด้วยมือสด ๆ กันเลยนั่นเทียว... 555 เปล่า..?? ทั้งหมดทั้งหลายทั้งปวงหาได้ประหยัดพึงมีพึงได้อย่างที่เข้าใจไม่ หากแต่ทั้งนี้ ทั้งนั้น ทั้งโน้น ก็เพียงหวังผลถึงความบริสุทธิ์ผุดผ่อง ดุจทารกแรกเกิดพึ่งแบเบาะ ของสัญญาณเสียงที่อาจจะสูญหายไปกับทางเดินสัญญาณในรูปแบบของลายปริ๊นต่างหาเล่า.......ว่าไปนั่น..55



อย่าชักช้าเตรียมอุปกรณ์กันเลยครับ Resistor 5 % หรือ 1 % ก็ได้ Capacitor ก็ใช้ดี ๆ หน่อยละกันครับ โดยเฉพาะ ซีคลับปลิ้งสัญญาน ผมแนะนำคุณภาพดีหน่อยเมื่อเทียบกับราคาก็เป็นของ Wima MKP ค่าตั้งแต่ 1 uf – 10 uf ได้ทั้งนั้นซึ่งแต่ละค่าก็ให้เสียงที่ได้ก็น่าจะต่างกัน จะให้ดีก็ให้ใช้ค่าตามวงจรละกันง่ายดี ส่วน C filter ก็อาจใช้ค่าน้อย ๆ ขนาดกันให้ได้ซักประมาณ 10 , 000 uf / 35 V ก็หรูหราและไม่ผิดกติกาแต่ประการใด ตอนบัดกรีก็อย่าลืมเน้น ๆ หน่อยนะครับ เพราะว่าเทคนิกการฮาร์ดไวร์ ต้องให้แน่ใจว่าบัดกรีติดกันดี บัดกรีให้ดีตะกั่วจะต้องเงาแว๊บ ไม่จับกันเป็นก้อน เสร็จแล้วเราก็จะได้เนื้องานแบบล่อนจ้อน เปลือยใส้ญาติกระสือให้เราได้ฟังกัน หรือ จะออกแบบใส่กล่องลงแท่นเป็นการเป็นงานเป็นล่ำเป็นสัน ให้ดู หรูหรา ดูดีมีชาติตระกูลก็ตามแต่ศรัทธาธรรม และกุศลผลบุญของแต่ละท่านเถิด...........


เอ๊าล้อมวงกันเข้ามาได้เวลาเทสเสียงกันแล้ว....เย๊.......แต่ขอบอกนิดหนึ่งนะครับว่าเป็นควม ..เอ๊ย..ความคิดเห็นส่วนตัวล้วน ๆ นะท่านจะเชื่อไม่เชื่อก็แล้วแต่ ปัญญาฌานของแต่ละท่านที่จะแยกแยะ ระหว่าง สาระกับบ้าบอของผมก็แล้วกันนะคร๊าบบบบ…แหะ ๆ
หลังจากเตรียมแผ่น เตรียม CD , Preamp , Poweramp และลำโพงอันสุดรักแสนหวงและภาคภูมิใจ ก็เริ่มกันเลย...น้ำเสียงแรกที่ได้ยินนั้น มันมี แวว มรกต กุ๊ก ทิพ...นะเนี่ยเรียกได้ว่าหายเหนื่อยดีเกินคาด เสียงมีความกระฉับกระเฉง คึกคักชัดเจน จะแจ้ง แทงทะลุไร้ม่านหมอก แต่.. อาจขาดความนุ่มนวลมวลอิ่มข้นไปบ้าง นั่นก็อาจเพราะว่ามันยังใหม่พึ่งเปิดซิง ก็เลยออกอาการเต่งตึง เกี่ยวกระหวัดรัดแน่น แข็ง ๆ เกร็ง ๆ ไม่คุ้นเคยประมาณนั้น ทีนี้เรารู้แล้วเราก็จะได้ค่อย ๆ เล้าโลม นวดเฟ้นเคล้าคลึง ตะล่อม ตะล่อมกันไปก่อน เชื่องไม้เชื่อมือเข้าที่เข้าทางแล้ว ความนุ่มนวล เกลี้ยงเกลาขาวอวบเนียน พร้อม ๆ กับท่วงท่าลีลาก็คงจะลื่นไหลขึ้นเองนั่นแหละน่า......??


เง้อ..........!! กำลังพรรณาถึง Preamp ใช่รึเปล่าท่านเล่นซะเคลิ้ม.........55.......ก็เอาเป็นว่าคุ้มครับงานนี้ สำหรับท่านที่อยู่เฉย ๆ ว่าง ๆ การงานไม่มีจะทำ แต่ก็ยังอ้างว่าติด เคอร์ฟิว..ผมก็แนะนำเลยครับให้ทำเอาไว้ฟังแก้เซ็งก็แล้วกัน เอาล่ะ...ก่อนที่จะเลอะเทอะให้มากไปกว่านี้วันนี้กระผมก็ต้องขอลากันแค่นี้ก่อน....แล้วพบกันใหม่นะครับ

วันศุกร์ที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

...แผ่นปริ๊นท์...( PCB = Print Circuit Board )...

PCB หรือ Print Circuit Board หรือ " แผ่นปริ๊นท์ " ที่เราเรียกขาน... มารู้จักันอีกนิดนึงครับ ก่อนอื่นขอบคุณท่าน
El3ctron audiodiyclub.net ซึ่งก็เป็นเจ้าของบทความครับกระผม

เกริ่นหัวข้อมาแบบนี้ เข้าใจว่าหลายๆท่านคงจะรู้ดีอยู่แล้ว ก็ผ่านๆไปนะครับ เดี๋ยวจะว่าเอามะพร้าวมาขายชาวสวนมะพร้าว เรามาทำความรู้จักกันแบบเท่าที่ควรจะรู้ก็พอครับ ไม่ลงรายละเอียดมากนัก แบบเมื่อไปเสวนากะใครเค้าก็บอกได้ว่าที่เห็นแผ่นๆนี่เรียกว่าอะไร ไม่ต้องใช้คำว่า "ที่เป็นแผ่นๆเนี่ยะ " เพราะเรียกไม่ถูกว่ามีชื่อเรียกว่าอะไร ? เป็นแบบไหน
ที่เราจะมาว่ากันในกระทู้นี้ คือเรื่องของ พีซีบี (PCB) หรือคำเต็มในภาษาอังกฤษว่า พริ๊นท์เซอร์กิตบอร์ด (Print Circuit Board) ล้วนๆ ที่มาที่ไป...ก็มีตำนานใช่ว่าจะเกิดขึ้นมาเฉยๆเช่นในปัจจุบัน ย่อมมีอดีตคือที่มาเช่นเดียวกะคนเรา
เข้าเรื่องซะที...ที่มีชื่อถูกเรียกขานว่า Print Circuit Board (PCB) เพราะว่า...ในยุคแรกๆของการคิดประดิษฐ์ พีซีบี ขึ้นมาใช้นั้น เค้าใช้หมึกที่มีคุณสมบัตินำไฟฟ้า เช่น หมึกที่เป็นผงคาร์บอนด์ (จะพบเห็นได้ในวิทยุรุ่นเก่ามากๆ) พิมพ์ลงบนแผ่นฉนวน เพื่อการเชื่อมต่อกันทางไฟฟ้าของตัวอุปกรณ์แต่ละตัวที่อยู่บนแผ่นฉนวนที่นำ มาใช้ แม้ว่าต่อมาจนถึงปัจจุบันนี้ใช้แผ่นทองแดงบางๆที่เป็นตัวนำมาเคลือบบนฉนวน แทนแล้วก็ตาม แต่เราก็ยังเรียกขานกันว่า "พีซีบี" (PCB)มาจนทุกวันนี้

แล้วแผ่นปริ๊นท์ มีกี่แบบ? อะไรบ้าง ?

ส่วนมากโดยทั่วๆไป จะแยกประเภทเป็นคร่าวๆตามวัสดุที่นำมาเป็นฐานของทองแดง เช่น ฟีนอลิก (phenolic,FR-2) กลาสอิพอกซี่ (glass epoxy,FR-4) เทฟล่อน (teflon) เคมวัน (CEM1) อีกแบบคือ เฟล็กซิเบิ้ล (flexible) และเรียกตามลักษณะการใช้งาน เช่น แบบหน้าเดียว(single Side) แบบสองหน้าธรรมดา(Double Side) แบบสองหน้าเพลททรูโฮล(Double Side Plate Through Hole) และแบบมัลติเลเยอร์(Multi Layer)
พีซีบี ทุกแบบที่กล่าวมาข้างต้นจะมีแผ่นทองแดงบางๆเคลือบอยู่เต็มพื้นที่ เมื่อยังไม่ถูกใช้งาน ความหนาของทองแดงที่เคลือบอยู่นี้ เท่าที่ทราบมีสองความหนาคือ 1 ออนซ์ และ 2 ออนซ์ จะมีให้เลือกใช้แบบที่มีทองแดงสองด้าน และมีทองแดงด้านเดียว สำหรับความหนารวมของแผ่นพีซีบี ก็มีให้เลือกใช้อีกเช่น แบบหนา 1 มิลลิเมตร และมาตรฐานทั่วๆไปที่เราเห็นนั้นจะมีความหนา 1.6 มิลลิเมตร จะมีความหนาพิเศษตามความจำเป็นใช้งาน เช่น หนา 2 มิลลิเมตร หนา 2.5 มิลลิเมตร แต่ต้องสั่งเป็นพิเศษเท่านั้น (หนาขึ้นเฉพาะวัสดุที่เป็นฉนวนเท่านั้น)
แล้วถ้าต้องการความหนาของทองแดงมากกว่ามาตรฐานทั่วๆไป...ต้องทำอย่างไร ? ...เราสามารถสั่งให้ทางผู้ผลิตเพิ่มความหนาของทองแดงให้เราได้ ด้วยการชุบทองแดงเพิ่มความหนาด้วยไฟฟ้า แต่...ค่าใช้จ่ายก็จะเพิ่มขึ้นด้วยเป็นธรรมดา เอาละเรามาดูรายละเอียดคร่าวๆพอรู้จัก พีซีบี แต่ละชนิดและภาพประกอบเท่าที่มีไปก่อน เมื่อมีภาพที่เหมาะสมกว่าค่อยเอามาเปลี่ยนให้ดูดีขึ้นบ้าง

แบบก ลาสอิพอกซี่ ( Glass Epoxy )



พีซีบี แบบนี้ในส่วนที่เป็นฉนวนซึ่งเป็นฐานของตัวนำคือแผ่นทองแดงบางๆ ทำมาจากเส้นใยแก้วถักทอกันเป็นแผ่น ใครไม่เชื่อสามารถพิสูจน์ได้ด้วยการนำแผ่นพีซีบีแบบนี้มาทุบเบาๆหลายๆครั้ง นิดนึง ก็จะพอเห็นแล้วครับว่ามีลายๆปรากฏขึ้นมา เมื่อทอใยแก้วเสร็จแล้วจึงอัดเป็นแผ่นด้วยส่วนผสมของอิพอกซี่เรซิ่น แล้วจึงมาเคลือบแผ่นทองแดงบางๆติดกันด้วยกาว(ไม่ทราบจริงๆว่าเป็นกาว อะไร)อีกครั้งนึงทั้งด้านเดียวและสองด้าน ตามการใช้งาน ดังภาพด้านล่าง เราจะเห็นพีซีบีชนิดนี้ได้ทั่วไปเช่นกัน มีทั้งแบบหน้าเดียว สองหน้า สองหน้าเพลททรูโฮล มัลติเลเยอร์(เช่นแผงวงจรแผ่นใหญ่ๆในคอมพิวเตอร์ ดูดีๆจะเห็นว่ามีทองแดงประมาณสี่ชั้น) สำหรับเรานักดีไอวาย แบบนี้เหมาะดีแล้วครับทั้งราคาที่รับได้ และความสะดวกในการซื้อหาและสั่งทำ คุณภาพ ความคงทน สามารถทำได้ทั่วไปหมด (ซื้อพีซีบีมาทำเองก็ได้) การตัดต้องใช้เลื่อยเพราะค่อนข้างแข็ง เจาะต้องเที่ยงตรงถ้าไม่ใช้สว่านแท่นมือต้องนิ่งๆ ใจเย็นๆ สบายๆ ดอกสว่านจะได้ไม่หักจนเสียอารมณ์



แบบ ฟีนอลิก ( Phenolic )



แบบฟีนอลิก เราจะเห็นได้ทั่วไปเยอะแยะมากมายในอุปกรณ์ต่างๆ เช่นวิทยุกระเป๋าหิ้ว ทีวี เพราะแบบนี้ราคาถูกที่สุดในขณะที่คุณภาพใช้ได้ การผลิตทำได้รวดเร็วในจำนวนมากๆ เพราะเนื้อฟินอลิกนั้นนิ่มและตัดเจาะง่ายๆ ในโรงงานมักจะทำโม(แบบ)แล้วปั๊มออกมาเป็นแผ่นๆได้เรยทั้งส่วนที่เป็นรูและ ช่องๆ ไม่ต้องมาเจาะรูเจาะช่องก่อนให้เสียเวลา ปั๊ม ปึ๊ง ๆ ๆ ก็ได้จำนวนมากแล้ว เนื้อของฟินอลิกจะเป็นสีน้ำตาล จะน้ำตาลอ่อนหรือน้ำตาลแก่ ก็ว่ากันไป น้ำตาลอ่อนน่าจะสวยกว่า ในส่วนของนักโมดิฟายอย่างเราๆ เมื่อนำมาใช้ก็สะดวกดีเช่นกัน ตัดด้วยมีดคัตเตอร์ได้เรย ไม่ต้องถึงกับตัดจนขาด กรีดลึกนิดนึงทั้งสองด้านให้ตรงกันแล้วหัก แต่คุณสมบัติด้อยกว่าแบบอีพอกซี่หน่อยนึง อ่อนตัวง่ายกว่า โค้งงอเมื่อถูกความร้อนง่ายกว่า ติดไฟง่ายกว่า แต่ทำงานง่ายกว่า ราคาถูกกว่า ก็เลือกใช้งานเอา ว่าแบบไหนเหมาะสมกับงาน ข้อสังเกตุส่วนตัว...อย่าใช้หัวแร้งร้อนไปทองแดงจะร่อนง่าย รวมทั้งเวลาบัดกรี อย่าจี้หัวแร้งนาน ทองแดงจะร่อนได้เช่นกัน ไม่เชื่อท่านลองดูได้ต้องการลอกลายทองแดงเล็กๆตรงไหนเอาหัวแร้งแช่ตรงนั้น แล้วดันปลายหัวแร้ง ลายทองแดงจะหลุดออกมาได้เรย พีซีบีแบบอิพอกซี่ก็เช่นกัน

แบบ เคมวัน (Cem1)



แบบเคมวันนี้ เราจะไม่ค่อยได้เห็นบ่อยนัก แต่ว่าก็พอมีใช้อยู่ทั่วไป เพราะมีราคาอยู่ระหว่างแบบฟินอลิก และ อิพอกซี่ ลักษณะจะเป็นเนื้อสีขาวขุ่นหรือค่อนข้างขาว แข็งแรงมากกว่าแบบฟินอลิกแต่น้อยกว่าแบบอิพอกซี่ ที่เห็นได้บ่อยก็อยู่ในผลิตภัณฑ์จำพวก UPS ที่ผลิตในบ้านเราชอบใช้กันมาก เพราะยังผลิตได้ง่ายเช่นเดียวกับแบบฟินอลิก ตัด เจาะ ปั๊ม (จริงๆแล้วเค้าเรียกพั๊นซ์) ราคาย่อมเยาว์กว่าอิพอกซี่ เพื่อทำราคาสินค้ามาตัดราคากันอย่างสนุกสนาน จนพากันลำบากเป็นทิวแถว แทนที่จะแข่งกันด้านคุณภาพ พีซีบีแบบนี้หายากนิดนึงถ้านักดีไอวายจะซื้อมาใช้ ส่วนมากจะสั่งทำกันเป็นจำนวนมากๆในโรงงานเท่านั้น ถ้าเจอก็เอามาใช้เถอะครับพอใช้ได้ในราคาที่ถูกกว่า ลักษณะจะเป็นดังในภาพ (พรุ่งนี้ถ่ายใหม่ลืมไปว่ามีเป็นแผ่นๆด้วย)



แบบ เทฟล่อน (Teflon)



พีซีบี แบบนี้ เอามาลงให้ดูเล่นๆครับ เราคงไม่มีโอกาสซื้อหามาทำแอมป์เล่นแน่นอน เพราะมีคุณสมบัติ ที่ดีมากเกินการใช้งานของเรานักดีไอวาย และไม่มีขายทั่วไป ต้องสั่งเป็นกรณีพิเศษเท่านั้น จะถูกนำไปใช้งานในอากาศยาน และในอุปกรณ์ที่อยู่ในช่วงความถี่ระดับ GHz เช่นความถี่ไมโครเวฟ ดังเช่นแผ่นที่อยู่ในภาพที่เอามาให้ดูนี้ ใช้อยู่ในกล่องทวนสัญญาณไมโครเวฟ



แบบ เฟล็กซิเบิ้ล (Flexible)





พีซีบีแบบนี้ เป็นพีซีบีที่มีฐานที่เป็นฉนวนที่บางมาก ส่วนจะเป็นพลาสติกชนิดใด ไม่ทราบข้อมูล(ขออภัยด้วย) สามารถดัดไปมาให้อยู่ในช่องแคบๆได้สบาย แต่การออกแบบคงไม่ง่าย ในการคำณวนช่วงการหักงอ จะเห็นได้ในอุปกรณ์อิเลคทรอนิคส์ขนาดเล็ก เช่นกล้องถ่ายภาพ เอามาลงให้ดูเล่นอีกเช่นกัน ไม่มีขายทั่วไปแน่นอน ลักษณะเป็นตามภาพที่ไปหามาให้ ไม่มีให้ถ่ายภาพเอง



การ ผลิตพีซีบีจำนวนมากๆทำอย่างไร? (ของแถม)



ในการผลิตพีซีบีจำนวนมากๆในระดับโรงงาน จะใช้เครื่องจักรเป็นเครื่องมือ แทบจะในทุกขั้นตอนการผลิต ขั้นแรกจะนำพีซีบีขนาดใหญ่มาคิดคำนวนพื้นที่ทั้งหมดและเผื่อขอบไว้ให้ เครื่องจักรจับชิ้นงานโดยไม่แตะเข้าไปในชิ้นงาน และต้องใช้พื้นที่ทั้งหมดอย่างคุ้มค่าที่สุด เหลือเศษน้อยที่สุดหรือไม่เหลือเศษเรย เพื่อลดการสูญเสีย และลดต้นทุนการผลิต การทำพีซีบีเราจะทำเป็นแผ่นใหญ่(Panel)พอที่จะทำงานได้สะดวก ตั้งแต่การตัด การเจาะ การขึ้นลาย การพิมพ์สี ขั้นแรกต้นทางจะเป็นผู้เตรียมการผลิต คิดเรียงรูปงานของลูกค้าเป็นแผ่น(Panel)ที่เหมาะสมก่อน แล้วจึงส่งต่อเข้าไปฝ่ายผลิตดำเนินการเจาะ ขึ้นลาย พิมพ์สี ว่ากันไปจนครบขั้นตอน แล้วก็จะออกมาตอนจบตามภาพที่มาให้ดูนี้ เมื่อลูกค้ารับไปแล้ว ก็นำไปใส่ตัวอุปกรณ์ต่างๆเท่าที่จะใส่ได้ แล้วนำมาหักออกเป็นชิ้นเล็กๆ จะเห็นว่าที่ขอบตอนเป็นแผ่นใหญ่(Panel)จะมีรูและตำแหน่งต่างๆเพื่อไปตรงกับ เข็ม(Pin)ที่ยึดขณะทำการผลิตในทุกขั้นตอน ทุกแผ่นที่ทำเสร็จออกมาจึงเหมือนกันหมด(มีที่ผิดก็ผิดเหมือนกันหมดเช่น กัน)ยืมภาพเค้ามา จะไปยืมเค้ามาถ่ายก็เกรง

แล้วดอกสว่านที่ใช้ในงานพีซีบีล่ะ ? มีกี่แบบ แบบไหนบ้าง ?

ดอกสว่านที่ใช้ในงานพีซีบี จะเป็นส่วนผสมของเหล็กและคาร์บอนด์ มีความแข็งมากแต่..เปราะและหักง่ายถ้าเราจะเอามาเจาะแบบธรรมดาอย่างเราๆ เพราะถูกออกแบบมาให้ใช้งานกับเครื่องเจาะที่มีความเร็วสูงมากๆ ซึ่งสว่านทั่วไปทำไม่ได้เราจะเสียอารมณ์ที่ดอกสว่านหักง่ายไป แต่ถ้าสว่านดีๆ และใจเย็นๆค่อยๆเจาะนิ่มๆ ช่วยได้ครับ ดอกสว่านที่ใช้อยู่ในโรงงานผลิตพีซีบี มีสองแบบคือ...ดอกเจาะธรรมดาและ ดอกเร้าท์ การใช้งานดอกเจาะ ก็ใช้เจาะเพื่อเป็นรูเท่านั้นเราสามารถสั่งให้เจาะเป็นช่องก็ได้โดยเจาะซ้ำๆ ติดๆกันต่อเนื่องกันไปแต่จะเสียเวลาและเปลืองดอก เราจะใช้ดอกอีกแบบนึงสำหรับการเจาะช่องโดยเฉพาะนั่นก็คือดอกเร้าท์ ดอกเร้าท์จะทำงานโดยการวิ่งไปตามคำสั่งจี ที่เราป้อนให้เครื่องเจาะโดยการระบุตำแหน่งและจะให้หมุนวนซ้ายหรือวนขวาก็ ได้ตามใจเรา ที่เราเห็นขอบพีซีบีเรียบกริบนั้นก็เป็นการตัดขอบด้วยการเร้าท์นั่นเอง
ยังมีการเจาะพีซีบีในระดับอุตสาหกรรมอีกแบบหนึ่งคือ การเจาะด้วยลำแสงเลเซอร์ รวดเร็ว ประหยัดดอกสว่าน เข้าใจว่าเครื่องเจาะด้วยแสงเลเซอร์นี้ในเมืองไทยก็มีเอาเข้ามาใช้หลายปีแว้ ว

ภาพดอกสว่านไม่ได้เตรียมไว้ จะไปยืมมาถ่ายภาพให้ดู ติดไว้ก่อนจ้ะ

การผลิตพีซีบีแบบมัลติเลเยอร์ ( Multi Layer )

พีซีบีมัลติเลเยอร์ เป็นไงอ่ะ ? หลายท่านคงจะมีคำถามนี้ ตัวอย่างง่ายๆคือแผ่นเมนบอร์ด ในเครื่องคอมพ์พิวเตอร์ของท่านที่เปิดใช้งานอยู่นี่แหละ ในเนื้อของแผ่นพีซีบีที่มีความหนาธรรมดานั้น ดูดีๆเราจะเห็นว่ามีชั้นทองแดงซ่อนอยู่อีกไม่ต่ำกว่าสองชั้น ....เป็นไปได้ไง? ไม่อยากเชื่อ !!! เชื่อเถอะไม่มีใครโกหกแน่นอนเมื่อเค้าบอกมาแบบนี้ แล้วทำได้อย่างไร?
ขออธิบายเท่าที่รู้มา ในการผลิตพีซีบีแบบมัลติเลเยอร์ หรือพีซีบีที่มีชั้นทองแดงหลายๆชั้นในความหนาปกติ นั้นทำแบบนี้ เอาแผ่นพีซีบีที่บางมากๆ มาเจาะด้วยขั้นตอนเดียวกันเหมือนกันทุกแผ่น มีรูไว้ล็อกตำแหน่งเดียวกันทุกแผ่น แล้วนำไปกัดลายทองแดง เสร็จจากการกัดลาย ก็นำไปอัดติดกันเป็นแผ่น(ใช้กาวหรือเปล่าไม่รู้) แล้วจึงลงกระบวนการทรูโฮลเพื่อให้ลายทุกชั้นต่อถึงกัน นำไปทำสีพิมพ์ให้ครบ เสร็จออกมา ใชได้แว้ว (ถ้าข้อมูลการทำพีซีบีแบบมัลติเลเยอร์ไม่ถูกต้องกรุณาแย้งมาทันที)

แล้วในระดับการผลิตในโรงงาน ใช้ไฟล์แบบไหนในการทำงาน ?


เมื่อนำแผ่นพีซีบีมาดูดีๆไกล้ ชัดๆ เช่น main board, sound crad จะเห็นว่ามีลายทองแดงขนาดเล็กๆมากมาย รูที่เชื่อมต่อถึงกันก็เล็กมาก เค้าทำได้อย่างไร ? ในการผลิตในโรงงานทั่วโลกใช้ไฟล์เกอเบอร์ (gerber) ในการทำแบบฟิล์มขึ้นมาใช้สร้างลายทองแดง เพราะไฟล์ชนิดนี้มีความเที่ยงตรงมากที่สุด ไม่ใช้ pdf file หรือ poscript file มาทำแบบ แล้วเกอเบอร์ไฟล์มาจากไหน ? ถ้าจะตอบว่าได้มาจากลูกค้าดิ ก็กวนไปนิดนึงอ่ะ เกอเบอร์ไฟล์แปลงออกมาจากไฟล์พีซีบี โดยโปรแกรมที่ใช้ทำพีซีบีนั่นแล เช่น โพรเทลทุกเวอร์ชั่น(protel,autium) พีแคด(p-cad) ออแคด(orcad) หรือโปรแกรมอื่นๆที่แปลงไฟล์เอ้าท์พุทออกมาเป็นไฟล์เกอเบอร์ (ในโลกนี้มีมากมายนัก) และไฟล์ข้อมูลเจาะ(drill data)ออกมาพร้อมกันได้ด้วย แล้วนำเกอเบอร์ไฟล์ ไปทำฟิล์มด้วยเครื่องยิงฟิล์ม....มีคำถามอีก...เอาไปยิงฟิล์ม...แล้วฟิล์ม ไม่เป็นรูหมดรึ ? การยิงฟิล์มคือการที่ลำแสงวิ่งไปตกกระทบบนฟิล์ม เช่นลำแสงเลเซอร์ ลำแสงแอลอีดี ส่วนที่โดนแสงตกกระทบก็จะเป็นลายดำ เอามาใช้งานได้เรย ส่วนที่ไม่โดนลำแสงก็จะเป็นสีใสๆ...เอ้า..ก็อาจจะมีคำถามอีกว่าแล้วฟิล์มมัน ดำได้อย่างไร ? ฟิล์มแผ่นโดยทั่วไปก่อนใช้งานไม่เป็นสีดำและเคลือบด้วย "เงิน" เมื่อเงินถูกแสงตรงไหน ตรงนั้นจะเป็นสีดำเมื่อเรานำฟิล์มไปลงในน้ำยาเคมีที่เรียกว่า develop เมื่อดำดีแล้วต้องไปลงในเคมีอีกตัวนึงเรียกว่า fixer ตัวนี้จะเป็นตัวคงสภาพความดำของฟิล์มไว้....แล้วผมรู้ได้ไงเชื่อได้รึ ? .....เอาน่า...เชื่อเถอะผมทำที่กล่าวมาทั้งหมดนี่ด้วยตัวเองมาเกือบยี่สิบปี อ่ะ...เชื่อได้ป่าวล่ะ ?
แล้วรู้มั๊ยว่า....มีโรงงานของคนไทยแท้ๆ....สามารถผลิตพีซีบีที่มีลายทอง แดงเล็กเท่าเส้นผมของคนเราได้...และออกรับงานไปทั่วโลกได้อย่างไม่เกรงใจ ใคร...KCE...ไม่ใช่ KFC ย่อมาจากคำไทย กวงเจริญอิเลคทรอนิคส์ นั่นเอง น่าภูมิใจ ไทยก็ทำได้...ถึงแม้ว่าต้องซื้อเทคโนโลยีเค้ามาก็ตาม...แต่ก็ต้องใช้ฝีมือ

เอ๊า...ขอบคุณ ท่าน http://www.audiodiyclub.net/index.php?action=profile;u=5 ด้วยครับสำหรับบทความดี ๆ เช่นนี้

วันพุธที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

ถูกและดี นี่เลย



นับนิ้วดูก็นานพอสมควรจนเกือบลืม ที่ผมไม่ได้มาอัพเดท บล็อกและบทความ อันเนื่องมาจากวัสดุดิบในการเขียนขาดแคลนรวมทั้งปัจจัยทุนทรัพย์ที่จะเอื้อให้ได้มาของวัตถุดิบด้วยน่ะขอรับ 55 เอ๊า...มากันเร๊ว...กลับมาก่อนอย่าพึ่งหนีตีจากได้โปรด พรีสสสส...
วันนี้ผมจะพาท่านมาลองเล่นลองฟังและบอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับ power amp ic tda 7265 / 25 w / 5 ch ที่ผมบังเอิญได้มาตอนเดินตลาดนัดขายของเก่าอย่างปัฐวิกรณ์ ในราคาที่ไม่ต้องอดข้าวซดมาม่ากันแรมเดือนเพียงแค่ 200-300 บาท มันคุ้มนะครับคุ้มยังไง กระผมก็จะขอสาธยายให้ฟัง ก็เนื่องจากว่า ชุดโมดุล power amp ic tda 7265 / 25 w / 5 ch มันรวมมวลชนชุมนุมกันอย่างเนืองแน่นในแผ่นวงจรเดียว ซึ่งมีทั้งวงจร เร็กติฟายแรงดันไฟจาก AC เป็น DC แถม ฟิลเตอร์ และก็ ซิ้งค์ระบายความร้อนแบบอลูมิเนียมให้ในตัวเสร็จสรรพ

นั่นหมายความว่า เพียงแต่ท่านมีหม้อ..ใหญ่ ๆอวบ ๆ ...เย๊ย..มีหม้อแปลงไฟ ขนาด 12 – 0 – 12 ขึ้นไปแต่ไม่ควรเกิน 18 – 0 – 18 โวลท์ ขนาด 2 แอมป์ขึ้นไป แอมป์เยอะยิ่งดี แต่เปลืองเงินเปลืองไฟก็ใช้ได้แล้วขอรับ อิอิ.. ส่วนขั้วต่อลำโพง ขั้วแจ๊ก RCA input ก็มีให้พร้อมสรรพแต่ใช้ไม่ได้นะครับ สำหรับ ขั้ว RCA input (จะเล่าให้ฟังทีหลังว่าทำไมใช้ไม่ได้ ) เรียกได้ว่าแค่นำหม้อแปลงไฟ ตามที่กำหนดและท่านมีอยู่แล้วอย่างที่ผมแนะนำเอาไว้ ได้มาแล้วต่อเข้าไปตรง ๆ เลยครับไม่ต้องลีลาท่ามาก เท่านี้จริง ๆ มันก็พร้อมทำงาน ขับขานบทเพลงเพราะ ๆ ให้เราได้สดับด้วยความภาคภูมิกันแล้ว ง่ายไหม๊ล่ะ..?

แรกเริ่มเดิมทีที่ผมสะดุดตาและควักกะตังส์จ่ายค่าตัวให้กับโมดุลแอป์ชุดนี้นั้นก็ คือ ic tda 7265 นั่นล่ะครับด้วยว่ารูปร่างหน้าตามันมีส่วนละม้ายคล้ายคลึง IC ยอดฮิตยอดนิยมในวงการนัก DIY เอามาก ๆ เลยล่ะ ซึ่งก็คือเบอร์ TDA 3876 TDA 3886 TDA 7294 ซึ่ง 3 เบอร์ที่ว่ามานี้นัก DIY ตัวพ่อ ทั่วทุกมุมโลกต่างให้การยอมรับใน คุณภาพน้ำเสียงของมันมาก บางเบอร์มีเครื่องเสียงสำเร็จรูป HI – END นำ IC ที่ว่ามาผลิตเพาเวอร์แอมป์ขายกันเป็นการเป็นงานเป็นล่ำเป็นสัน กันเลยครับ ซึ่งราคาก็เบาะ ท้วม ๆ หลักแสน กันเลยนั่นเทียว...สนไม๊ล่ะ...? ไอ้สนน่ะมันก็สนอยู่หรอกแต่ว่าราคาเป็นแสนอย่างนั้นผมก็อยากได้ ว่าแต่ว่ามีให้ยืมสัก สองพันสองพันหน่อยจิ...555

ว่ากันจริง ๆ แอมป์ราคาแพง ๆ ทั้งหลายนั้นมันก็ไม่ได้ลึกลับซับซ้อนวิจิตรพิสดารอะไรมากมายนักโดยเฉพาะวงจร แถมบางครั้งบางทีน้ำเสียงที่ได้อาจไม่ถูกอกถูกใจท่านก็เป็นได้ เหตุนี้นั้นเองเราทั้งหลายนัก DIY ในกระแสเลือดจึงค่อย ๆ เบียดแทรก คืบคลาน เจริญเติบโตอย่างช้า ๆ ทว่าแน่วแน่และมั่นคง นั่นก็เพราะ บางอย่างเราทำได้เราทำ หรือบางอย่างเราไม่น่าทำได้เราก็ยังอุตส่าห์ทำ หรือไอ้ที่ทำเองไม่ได้จริง ๆ ก็ยังไม่วาย นำมันมา Modify อุปกรณ์ข้างนอกข้างในไม่เว้นแม้แต่สายไฟไปเสียฉิบ...555...ขอให้ได้มีส่วนร่วมในการทำลายล้างว่างั้นเหอะ ..55..เรียกได้ว่าอะไรที่อยากได้หรือยังไม่ถูกอกถูกใจ นัก DIY อย่างเราก็จะคิด ก็จะทำ ดัดแปลง ปรับปรุงเพื่อตอบสนองกิเลสและตัณหาของตัวเองได้อย่างถึงที่สุดว่างั้นเถอะ..555

ไม่แปลกที่มีโมดุลแอมป์กึ่งสำเร็จรูปอย่างนี้โดยเฉพาะของที่มาจีนดังจะเห็นได้ทั่วไปตามร้านอิเล็กทรอนิกส์ อย่างอมร หรือร้านต่าง ๆ ในบ้านหม้อก็ดีมีเยอะแยะ ราคาก็สมเหตุสมผล หรือถูกจนน่าตะลึงใจก็มีเหมือนกัน บางวงจรบางชุดเห็นราคาแล้วเราซื้ออุปกรณ์มาสร้างหรือประกอบเอาเอง ผมว่ายังไม่ได้เลยนะครับผมว่า ฉะนั้นแล้วสหายธรรม เพื่อนรักนักเพลงทั้งหลายก็อย่ามัวอยู่นิ่งเฉยนะครับหากว่ามีเวลาว่าง ก็เจียดเวลาของท่านมาเดินตลาดนัดค้าของเก่า ที่ใกล้บ้านท่านดีกว่าเผื่อจะได้ของดีราคาถูก แต่ถ้าขี้เกียจเดิน ขี้เกียจออกนอกบ้านด้วยว่า เกรงจะได้สูดดมควันดำ ๆ จากกองยางที่ใครก็ไม่รู้มาเผาเล่น ๆ เผาเพื่อเรียกร้องอะไรเพื่อใครก็ไม่รู้แทนที่จะเผาบ้านตัวเอง ชาวบ้านจะได้ไม่เดือดร้อน.........ไม่เป็นไรครับรอซื้อต่อจากผมก็ได้ผมบวกค่าเสี่ยงภัยนิดหน่อยเท่านั้น ..555







เอ้าเข้าเรื่องซะทีครับ พร่ามยาวเยียดมาซะนาน ผมจะได้เป็นหนุลองยาเล่นลองเทสกัน แล้วรายงานให้ท่านทราบคร่าว ๆ ละกันนะครับ เริ่มจากระบบไฟก่อนเลย ด้านขวาสุดจะเห็นเสาซ็อกเก็ต อยู่ 3 เสาด้วยกัน นั้นล่ะครับคือจุดที่เราจะใช้สายไฟจากหม้อแปลง ขนาด 18 – 0 – 18 โวลท์ ต่อเข้าไปตรง ๆ กันเลยครับ เครื่องก็พร้อมทำงานและรอสัญญาณ อินพุท เข้ามา แค่นั้นเองครับ ในส่วนของสัญญาณอินพุทแจ๊ก RCA input ใช้ไม่ได้นะครับ สาเหตุก็ไม่มีอะไรมาก เพียงเพราะว่า โมดุลแอมป์ตัวนี้นั้น เราได้มาแค่ส่วน power amp ในส่วนของแจ๊กสัญญาณนั้นมันต้องมีส่วนของวงจรอื่น ๆ ด้วยเป็นต้นว่า pre amp หรือวงจรซีเล็กเตอร์เลือกสัญญาณหรือแม้กระทั้งไฟซิกแนลให้วงจรทำงานก็ดี มันอยู่อีกส่วนหนึ่ง แยกต่างหาก ไม่ได้รวมอยู่ในแผงนี้ ฉะนั้นก็ให้เอาสัญญาณไปต่อที่ C คลัปปลิ้ง สัญญาณ ด้านซ้ายมือ ทั้งหมด 5 ตัวนั้นล่ะครับใช้ได้เหมือนกัน

จะใช้งานเป็นแบบ sterio 2 ch หรือเอาไว้สำหรับดูหนัง 5 ch ก็ได้เช่นกันครับ จะสังเกตุได้ว่ามี ic power อยู่ 4 ตัวด้วยกัน มีอยู่ 2 ตัวที่ทำงานกันแบบ bride เพื่อเพิ่มกำลังขับ เข้าใจว่าเอาไว้ขับ ซัพวูเฟอร์...หลักจากที่ทดลองฟังเสียงก็ออกมาแนวนี้ครับ เสียงที่ได้ มีความสดใสชัดเจนในน้ำเสียง กลางแหลมดี กระชับไม่อืดอาด ทุ้มต่ำ ๆ อาจลงได้ไม่ลึกถึงใจนัก แต่ก็เพียงพอสำหรับห้องดูหนังฟังเพลงทั่วไปและยิ่งเมื่อเทียบกับราคา ไม่ถึง 500 แต่เราได้แอมป์สำหรับดูหนัง ถึง 5 ch กันเลยนี่ไม่คุ้มค่าไม่รู้จะว่าอย่างไรแล้วล่ะครับ...แล้วพบกันใหม่ครับ

วันอาทิตย์ที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

รวมลิ้งค์เวปดี ๆ ที่เกี่ยวข้องและน่าสนใจ

1 http://www.audiodiyclub.net/index.php

2 http://www.htg2.net/index.php?board=13.0

3 http://www.thaidiyaudio.net/index.php

4 http://thaimisc.pukpik.com/freewebboard/php/vboard.php?user=newagelism1

5 http://www.mct-kit.com/index.html

6 http://www.kaponk.com/blog

7 http://www.mang2hand.com/index.php

8 http://audio.mhzthai.com/index.php?

วิธีการใช้ก็ให้ก๊อปปี้ แล้วเอาไปวางช่องกรอก ULR หรือช่อง Google ง่าย ๆ แต่น่าสนใจทั้งนั้นครับ